Don’t tell me how to dress, tell them not to rape หรือจะแปลเป็นไทยว่า “อย่ามาบอกให้ฉันแต่งตัวแบบไหน ควรไปบอกเขาไม่ให้ก่ออาชญากรรมข่มขืน” ด้วยสังคมปัจจุบันนี้การก่ออาชญากรรมการข่มขืนมีอัตราที่สูงมาก
ผู้ถูกกระทำก็มีทั้งเด็กหญิง เด็กชาย ผู้หญิง ผู้ชาย เพศที่สาม ไปจนถึงวัยชรา และผู้กระทำก็มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง เพศที่สาม รวมทั้งการที่ญาติพี่น้องเป็นผู้ข่มขืน เพื่อนเป็นผู้ข่มขืน พ่อ พ่อเลี้ยง ปู่ ตา ฯลฯ เป็นผู้ข่มขืน มีหลายกรณีมากที่เกิดขึ้นในสังคมไทย
แต่กรณีที่เราจะพูดถึงในวันนี้คือกรณีที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายถูกข่มขืน เพราะเมื่อใดก็ตามที่เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นมา กลับจะต้องมีบางกลุ่มที่มากล่าวโทษผู้หญิง ทั้งที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายถูกกระทำ เป็นเหยื่อในอาชญากรรมที่เขาไม่ได้ก่อ
แต่คนบางกลุ่มนั้นกลับมาวิจารณ์และโยนความผิดให้เหยื่อ ว่าเป็นเพราะการแต่งตัวของเหยื่อเอง เหยื่อแต่งตัวล่อเสือล่อจระเข้ แต่งตัวไม่มิดชิด แต่งตัวไม่รัดกุม แต่งตัวโป๊เลยเป็นเหตุถูกข่มขืน
ทั้งที่เหยื่อไม่ได้เต็มใจหรือสมยอมต่อการข่มขืนนั้นเลย การแต่งตัวของเหยื่อก็คือการแต่งตัว เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปกล่าวโทษเหยื่อทั้งที่การก่ออาชญากรรมนั้นมาจากการกระทำของผู้อื่นที่กระทำต่อเหยื่อ
สิ่งที่เราควรทำความเข้าใจก่อนเป็นอันดับแรกคือ
- ร่างกายเราคือร่างกายเรา
หมายถึง เมื่อร่างกายนั้นเป็นของเรา เรามีสิทธิ์จะทำอะไรกับร่างกายเราก็ได้ เราจะสวมใส่เสื้อผ้าแบบใดก็ได้ ตามใดที่ยังถูกกาลเทศะ และสถานที่ เราก็มีสิทธิ์ที่จะแต่งตัวในแบบที่เราชอบตราบใดที่เราไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้กับใคร
- การแต่งตัวคือแฟชั่น
การแต่งตัวคือแฟชั่นอย่างหนึ่ง ผู้หญิงเป็นเพศที่ชื่นชอบและให้ความสนใจกับแฟชั่นอยู่แล้ว แม้กระทั่งผู้ชายเองก็ยังสนใจในแฟชั่นเลย ดังนั้นการที่เราแต่งตัวแบบไหน ไม่ว่าจะโป๊ หรือมิดชิดก็ย่อมหมายถึงว่ามันคือแฟชั่น เราชอบสไตล์แบบนี้เราก็จะแต่งแบบนี้ ไม่ใช่ว่าการที่เราแต่งตัวโป๊แปลว่าเราจะต้องไปล่อตาล่อใจผู้ชาย เราอาจจะแค่ชอบแฟชั่นเหล่านั้น และแต่งเพื่อเพิ่มความสวยงาม ความมั่นใจให้กับตัวเอง แต่งเพราะถูกใจตัวเอง ไม่ได้แต่งเพื่อเอาใจใคร
- เราไม่มีสิทธิ์ในร่างกายผู้อื่น
เมื่อใดก็ตามที่เราไปรุกล้ำร่างกายของผู้อื่นนั่นคือการทำละเมิดต่อผู้อื่น เราไม่มีสิทธิ์ในร่างกายเขา เราไม่ควรกระทำอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นรุกล้ำสิทธิ์ของผู้อื่น รวมถึงการที่เราไปกระทำต่อร่างกายของผู้อื่นด้วย
หากเราทำความเข้าใจกับสิ่งเหล่านี้แล้ว เราจะต้องแยกให้ออกว่าแฟชั่นคือแฟชั่น การแต่งกายคือการแต่งกาย เราไม่สามารถเอาสิ่งเหล่านี้ไปโทษเหยื่อได้ ทุกคนมีสิทธิ์ในการแต่งกายของตัวเอง มีสิทธิ์กับความชื่นชอบของตัวเอง
ไม่ควรมีใครต้องถูกกล่าวโทษว่าเป็นสาเหตุของการก่ออาชญากรรมทั้งที่เขาคือเหยื่อผู้เสียหาย ผู้กระทำต่างหากที่ไม่ควรไปกระทำแบบนี้กับใคร เพราะการกระทำของเขามันคือความผิด และเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อสิทธิ์ของผู้อื่น
เราไม่ควรสอน หรือติเตียนการแต่งตัวของใครตราบใดที่มันเป็นสิทธิ์ของเขา สิ่งที่เราควรทำคือสอนตัวเองว่าไม่ควรไปละเมิดสิทธิ์ของใคร
สนับสนุนโดย บาคาร่าเว็บไหนดี